ดอยสวนยาหลวง จ.น่าน 16-17/6/61
สวนยาหลวง แต่ก่อนเดิมที เคยเป็นสถานที่ปลูกฝิ่นของชาวเขา ในหมู่บ้านสันเจริญ อ.ท่าวังผา จ.น่าน แต่ปัจจุบันได้หันมาปลุกกาแฟกันเป็นอาชีพหลัก จนที่กลายเป็นแหลงปลูกกาแฟที่ขึ้นชื่อของจังหวัดน่าน สำหรับทริปนี้ผมได้รับคำเชิญชวนมาจากเพื่อนผม กานต์ สิงห์สินธุ์ ซึ่งเป็นไกด์จักรยาน กานต์ได้แนะนำดอยแห่งนี้ และได้เล่าให้ผมฟังถึงความสวยงามและความท้าทายในเส้นทาง คืนวันศุกร์ 15/6/61 เราออกเดินทางโดยรถทัวร์ ขึ้นจากรังสิตเวลาสามทุ่มเศษ ถึงจังหวัดน่านเช้าวันที่ 16/6/61 ลงรถทัวร์ใส่ล้อเช็ครถจักรยานและกินข้าว เจ็ดโมงกว่า เราก็ออกเดินทาง ปั่นจักรยานมุ่งหน้าขึ้นเหนือไปตามทางหลวงหมายเลข 101 จากเมืองน่านมาได้ประมาณ 23 กิโลเมตร กานต์ได้พาผมเข้าไปเที่ยวชมหอศิลป์ริมน่าน ภายในมีการจัดแสดงงานศิลปะต่างๆรวมถึงภาพวาดเก่าๆที่หาดูได้ยาก หอศิลป์แห่งนี้เกิดขึ้นโดยศิลปินพื้นเมืองชาวน่าน ท่านมีชื่อว่า วินัย ปราบริปู เสพงานศิลป์กันเสร็จ ก็มาเสพถนนกันต่อ จากทางหลวงหมายเลข 101 เรามาใช้ทางเลี่ยงถนนใหญ่ผ่านหมูบ้านและทุ่งนา จนมาโผล่ทางหลวงหมายเลข 1148 ทางเข้าไปดอยสวนยาหลวงนั้นต้องสังเกตดีๆเพราะจะอยู่ช่วงทางโค้งช่วงลงเขา เลยหลักกิโลเมตรที่ 15 ไปไม่ไกล ปากเข้ามีโรงเรียนบ้านน้ำโมงปางสา เข้าไปอีก 18 กิโลเมตรจนถึงหมู่บ้านสันเจริญ(มีป้ายบอก) และหมู่บ้านนี้เป็นหมู่บ้านสุดท้ายก่อนที่เราจะขึ้นดอยสวยยาหลวง รวมระยะที่เราปั่นมาจากน่าน 75 กิโลเมตร เหลืออีกประมาณ 10 กิโลเมตร สู่ยอดดอย กานต์บอกกับผมว่า “ ต่อไปนี้คือของจริง ” เตรียมน้ำดื่มเป็นที่เรียบร้อย บ่ายสามโมงออกเดินทางต่อเพื่อพิชิตยอดดอยสวนยาหลวง จากหมู่บ้านสันเจริญจะเป็นถนนคอนกรีตประมาณ 2 กิโลเมตร ส่วนที่เหลือคือทางดิน ช่วงหน้าฝนแบบนี้ไม่ต้องเดาเลยว่าทางจะเป็นยังไง บอกได้คำเดียวว่าเละ ทางขึ้นเขาสูงชันที่เต็มไปด้วยโคลน ทำให้เราเข็นมากกว่าปั่น ระยะทางแต่ละเมตรกว่าจะผ่านไปได้ช่างยากเย็น ทั้งเหนื่อยทั้งลำบาก กานต์ถึงขนาดต้องพูดออกมาว่า “ ขาไม่มีแรงจะก้าวแล้ว ” บางครั้งผมต้องมาช่วยกานต์เข็นเพื่อให้เราไปได้ต่อ ทางขึ้นเขาที่เหมือนว่าจะไม่มีวันจบสิ้น ไม่ได้ทำให้เราท้อใจ ยังไงเราก็ต้องไปให้ถึงยอดเขาให้ได้ ความสวยงามของวิวทิวทัศระหว่างทางช่วยทำให้เราเพลิดเพลิน เข็นๆขี่ๆกันไปเรื่อยๆจนเหลืออีกประมาณ 2 กิโลเมตรจะถึงยอด ฝนก็ได้ตกลงมา ความหนาวเริ่มเข้ามาสัมผัสผิวกาย แต่ยังดีที่เราเตรียมเสื้อกันฝนมา จึงไม่ได้หนาวเย็นอะไรนัก จากนั้นไม่นานตะวันก็หานลับไปหลังภูเขา แสงของวันเริ่มหายไปความมืดเข้ามาแทน เหลืออีกไม่ไกลก็จะถึงยอดดอย ความมืดทำให้เราสับสนในเส้นทางอยู่บ้าง เพราะบางทีเจอแยกแล้วเราไม่รู้จะไปทางไหน ไฟส่องทางกำลังสูงของผมก็ส่องไปได้ไม่ไกล เพราะมีแต่หมอก ได้แต่เดากับเดาครับ จนแล้วจนรอดเราก็มาถึงศาลาบนเขา ทิ้งสัมภาระและมุ่งหน้าต่อสู่ปลายทางของเรา ซึ่งเหลือระยะทางอีกไม่กี่ร้อยเมตรเท่านั้น เวลาสองทุ่ม การพิชิตยอดดอยสวนยาหลวงได้จบลง เราทำสำเร็จ ปากกัดตีนถีบจนขึ้นมาถึง กานต์ได้พูดขึ้นมาว่า “ จำทริปนี้ไปจนตาย ” ก็แหง่แหละทางลำบากขนาดนี้ต้องจำจนตาย ยอดดอยสวนยาหลวงนั้นเป็นเขตแบ่งระหว่าง ต.ผาทอง อ.ท่าวังผา จ.น่าน กับ ต.ผาช้างน้อย อ.ปง จ.พะเยา มีความสูงประมาณ 1600 เมตร จากระดับทะเลปานกลาง บนนั้นมีแค่ผมกับกานต์ และเสียงเขียดกับเสียงแมลงที่ร้องกันระงม ถ่ายรูปเสร็จลงกลับมาที่ศาลาเพื่อกางเต็นท์ เรื่องอาบน้ำไม่ต้องพูดถึง บนนี้ไม่มีห้องน้ำ เช้าวันรุ่งขึ้น 17/6/61 ออกมาจากเต็นท์เดินขึ้นไปยอดดอยอีกครั้ง สภาพอากาศบนนั้นปิด ทำให้เราไม่สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ได้ เห็นแค่เพียงทุ่งหญ้ารอบๆเท่านั้น เวลาเจ็ดโมงเก็บของ ออกเดินทางลงจากดอย ปั่นลงมาได้ไม่นาน เราก็ลงมาต่ำกว่าระดับหมอกที่ลอยปกคลุมยอดเขา ทำให้สามารถมองเห็นทิวทัศน์ได้ แจ่มจริงๆครับ หมอกลอยต่ำเลียบๆเคียงๆไปกับภูเขา เราใช้เวลาเป็นชั่วโมงในการขี่ลงเขาและจอดถ่ายรูปบนเส้นทางที่อันตราย แปดโมงครึ่งเราก็ลงมาถึงหมู่บ้านสันเจริญ กินก๋วยเตี๋ยวคนละสองชาม จากนั้นจึงล้างทำความสะอาดให้เสือของเรา แล้วก็ได้เวลาปั่นกลับเข้าเมืองน่าน โดยย้อนเส้นทางเดิม เรามาถึงเมืองน่านตอนเย็นๆ อาบน้ำและมานั่งกินขันโตกหน้าวัดภูมินทร์ ขันโตกนี้จะถูกวางเตรียมไว้บนเสื่ออยู่แล้ว จับจองที่นั่งกันเอาเอง ส่วนอาหารก็มีขายที่ถนนคนเดินข้างวัดภูมินทร์ เวลาหนึ่งทุ่มครึ่งขึ้นรถทัวร์กลับถิ่นฐานพร้อมเก็บความประทับใจกลับมามากมาย
พาย เอกพงษ์ พงษ์ศรีหดุลชัย