รังสิต-ยอดภูเรือ 465.3km 17/3/18
รังสิต-ยอดภูเรือ 465.3km 17/3/16
Jasmine return อะไหล่เก่าๆที่มีอยู่บวกกับใหม่บางชิ้นเอามาประกอบกับเฟรมRidleyอายุกว่าสิบปี คันนี้ตั้งชื่อว่า มะลิซ้อน ชุดเกียร์ 50/34 11-23 ล้อขอบสูง60mm น้ำหนักตัวเจ็ดปลายๆ รถพร้อมประกอบเสร็จต้องเอาไปลอง เส้นทางที่ผมเลือกคือรังสิต-ภูเรือ
เช้าวันเสาร์ที่ 17/3/16 ออกเดินทางจากรังสิต3:57น. ปั่นไปตามถนนพหลโยธิน ช่วงตั้งแต่รังสิตไปจนถึงสระบุรีสภาพผิวทางแย่มาก มีหลุมเต็มไปหมด และยังต้องคอยระวังรถย้อยสอนอีกด้วย ไม่รู้จะไปโทษใคร อยู่ไทยทำใจให้ชิน พอมาถึงช่วงวังน้อย รถตกหลุมแรงมากและผมได้ยินเสียงเหมือนเหยียบอะไรสักอย่าง ตอนแรกนึกว่ายางแตก แต่ก็ไม่ใช่ ผมคลำเช็คของในกระเป๋าเสื้อด้านหลัง ของทุกอย่างอยู่ครบ “ ช่างเถอะปั่นได้ก็ไปต่อ ” จนมาถึงสระบุรี เริ่มสว่าง จึงได้มองสำรวจรถตัวเอง และได้พบว่าสูบลมได้หล่นหายไปแล้ว เสียงที่ได้ยินตอนนั้นคืนเสียงสูบลมหล่นนั้นเอง นี่ก็เลยจุดตกมาไกลแล้ว ผมจึงไม่ย้อนกลับไป เวลา6:59น.ถึงแยกพุแค จังหวัดลพบุรี ซึ่งผมใช้เวลาช้ากว่าทริปที่ปั่นไปภูทับเบิกปลายเดือนมกราคมถึง6นาที ทั้งๆที่ครั้งนี้ใช้ล้อขอบสูง60mm ซึ่งคราวนั้นใช้ขอบต่ำ นี่แสดงว่าลมวันนี้แรงกว่าครั้งนั้น ที่แยกพุแคนี่เป็นจุดเริ่มต้นของทางหลวงหมายเลข21


ผมต้องใช้เจ้าหมายเลข21จากนี้ไปจนถึงทางแยกขึ้นยอดภูเรือ ปั่นต่อมาได้อีกสักพักอาการบาดเจ็บก็มาเยือน กล้ามเนื้อขาขวาด้านหลังตั้งแต่ต้นขาข้อพับจนไปถึงน่อง รวมถึงกล้ามเนื้อหลังแขน เริ่มมีอาการเจ็บ เพิ่งปั่นมาได้แค่20%ของเส้นทางเหลืออีกสามร้อยกว่าโลที่จะเป็นเนินและเขา อีกทั้งยังมีลมพัดลงมา ดูแล้วอาจจะไม่จบ ตอนนั้นคิดในใจว่า “ ยางแตกให้จบๆไปไหนๆสูบลมก็ไม่อยู่แล้ว ” เวลา7:18น.มาถึง ช่องเขาขาด แทบแคบๆสองช่องจราจรไม่มีไหล่ทาง ผมไม่สามารถอัดขึ้นไปได้ ต้องขึ้นไปอย่างช้าๆเพื่อไม่ให้อาการเจ็บที่เป็น มันหนักกว่าเดิม พี่ใหญ่ประจำถนนน่ารักมากแซงขึ้นไปอย่างห่างๆ ผมคิดในใจ “ ถ้ากูพร้อมกว่านี้นะ ดวลกันแล้ว ”

ผ่านจากช่องเขาขาดมาได้ก็จะเป็นเนินๆไปตลอด ผมมาแวะเติมน้ำที่ร้านค้าข้างที่ด้วยระยะทางจากบ้าน129km สภาพอากาศที่ร้อนน้ำสองกระติกใบละ750ccจึงมาได้เท่านี้ ระหว่างที่แวะนั้นผมได้เปิดgoogle mapsดูระยะทางที่เหลือ อีก337km ลองคำนวณเล่น ( ความเจ็บ + แดด + ลม + เนิน + เขา ) X 377 = หนังชีวิต ปั่นต่อมาจนถึงแยกพัฒนานิคม ตรงนี้ติดไฟแดงนาน มองข้างทางมีร้านซ้อมรถยนต์ ยืมเครื่องมือปรับเบาะดีกว่า จากอาการเจ็บที่เป็นกับกล้ามเนื้อหลังแขน ผมสรุปได้ว่า มุมเบาะไม่ถูกต้องจึงทำให้เจ็บส่วนอื่นไปได้ ปรับแก้ไขให้หน้าเบาะเชิดขึ้นเล็กน้อย ก็เรียบร้อย เอาล่ะไปต่อได้ ไมนานอาการเจ็บต่างๆก็ทุเลาลง เวลา 10:30น. เข้าเขตจังหวัด เพชรบูรณ์ ซึ่งช้ากว่าทริปที่ปั่นไปภูทับเบิกปลายเดือน มกราคมถึง32นาที เวลาทบไปเรื่อย

อากาศที่ร้อนมากทะลุ40องศา ทำให้ต้องจอดเติมน้ำบ่อย สองกระติกไปได้ไม่ถึง60km เวลา15:32น. เพชรบูรณ์ ปั่นต่อมาอีกสักพัก เจอกำลังทำถนน ลอกผิวหน้า เทน้ำยางเหนี่ยวๆ ยังดีที่ทำระยะสั้นๆเท่านั้น เวลา 16:43น. มาแวะปั๊มเดิมตอนทริปภูทับเบิกปลายเดือนมกราคม44นาที เดิมน้ำเสร็จล้างหน้าล้างตา เอาสายยางฉีดตัวคลายความร้อนแล้วไปต่อ มุ่งหน้าผ่านอำเภอหล่มสัก ปั่นต่อมาเรื่อยๆ อากาศเริ่มไม่ร้อน ปั่นได้สบายขึ้นความเจ็บก็หายไปเยอะแล้ว เหลือแค่พอตึงๆให้รู้ว่าเคยเจ็บ



เวลาจวนจะหกโมงเย็น มองทางขวามือคือภูทับเบิก พระอาทิตย์กำลังจะหายไปหลังเขาลูกนั้น “ ไปสักทีเถอะทำร้อนมาทั้งวันแล้ว ” เวลา18:31น. เข้าเขตจังหวัดเลย ที่อำเภอด่านซ้าย

แสงของวันจางหายไปทีละนิด จนมืดสนิท อากาศเย็นสบายหนาวนิดๆ ถือว่าปั่นสบาย นับเจลที่เหลืออยู่กับระยะทาง พอครับ เส้นทางที่เปลี่ยวและมืดมักจะมีหมา และหมากับจักรยานก็เป็นไม้เบื่อไม้เมา ผมต้องระวังหมาที่วิ่งออกมาไล่ ความมืดทำให้ไม่เห็นตัวมันแต่มันเห็นเรา นั้นคือข้อเสียเปรียบ


ปั่นหนีหมาฝ่าความมืดจนมาถึงทางขึ้นยอดภูเรือที่อยู่ทางซ้าย ตอนนั้นเวลา22:05น. ป้ายทางเข้าเขียนว่า 9km ปั่นเข้าไปประมาณ1km มาเจอกับด่านของเจ้าหน้าที่ตรงที่กั้นเขียนว่าปิด20:00น.


ผมขอเจ้าหน้าที่เข้าไปบอกว่า “ ผมปั่นมาจากรังสิต ขอขึ้นไปหน่อย ” เจ้าหน้าที่บอกว่า “ ทางชันมากนะมืดด้วย ” แล้วก็ให้ผมขึ้นไป ความมืดทำให้ไม่เห็นความชัน นั้นเป็นผลดีเพราะด้วยเฟือง23ถ้าเห็นความชันอาจจะถอดใจได้ ระยะทางขึ้นจากด่าน8km แทบไม่มีช่วงพักขา กว่าจะผ่านมาได้ใช้เวลาร่วมๆชั่วโมง เวลา23:19น. ผมได้ขึ้นมาถึงยอดภูเรือที่ความสูง1356เมตรได้สำเร็จ



พาย เอกพงษ์ พงษ์ศรีหดุลชัย