รังสิต-สุราษฎร์ธานี 672km 23 ชั่วโมง 15 นาที 12/8/16 – 13/8/16
เคยอยากลองกันบ้างมั้ยในหนึ่งวันเราจะปั่นจักรยานไปไกลได้ขนาดไหน ผมล่ะคนหนึ่งที่อยากจะลอง อยู่มาวันหนึ่งน้องบัส ณัฐวุฒิ สิริจิตตานนท์ ผู้ที่ปั่นเคียงบ่าเคียงไหล่ด้วยกันมานาน ก็ได้โพสลงเฟสบุ๊ค ผมไม่ได้จำรายละเอียดหรอกว่าเขียนว่าอะไร แค่เห็นคำว่า “ สะเทือนวงการ ” แค่นั้นก็ทำให้ผมต้องส่งข้อความไปหาน้องบัสในทันที บัสบอกว่า “ จะปั่นลงใต้ กลับบ้านที่จังหวัดสุราฏร์ธานี ” ผมบอกบัสว่า “ พี่ไปด้วย ” หลังจากนั้นผมก็โพสประกาศลงเฟสบุ๊ค บอกว่าผมกับบัสจะปั่นจักรยานจากรังสิตไปถึงศาลหลักเมืองจังหวัดสุราฏร์ธานี ใน 24 ชั่วโมง วันหลังจากนั้นบัสเข้ามาคุยที่ร้าน บอกว่าบ้านผมอยู่อำเภอไชยา ตอนแรกจะไปแค่อำเภอไชยา ผมบอกบัสว่า “ ไม่ทันแล้วประกาศไปแล้วไม่คืนคำ ” อำเภอไชยากับศาลหลักเมืองจังหวัดสุราฎร์ธานีห่างกันประมาณ 50 กิโลเมตร ไกลกว่านิดหน่อยคงไม่ใช่ปัญหา ถึงเวลาวางแผนการเดินทาง เส้นทางที่เราจะใช้คือถนนสายหลัก ระยะทางจากรังสิตไปถึงศาลหลักเมืองจังหวัดสุราฏร์ธานีคือ 672 กิโลเมตร ในหนึ่งวันเราไม่เคยปั่นจักรยานไกลขนาดนี้มาก่อนจึงเป็นเรื่องที่ท้าทายมาก ทริปนี้จะไม่มีรถติดตาม ทุกอย่างเราต้องจัดการกันเอง จักรยานที่จะใช้ต้องเป็นที่จักรยานทำความเร็วได้ดีและต้องควบคุมได้อย่างมั่นใจ แต่ยังไม่ใช่แค่นั้นยังต้องสามารถนำอาหารให้พลังงานและน้ำดื่มไปได้ทีละมากๆด้วย เพื่อเราจะได้จอดให้น้อยที่สุด เพราะการจอดทุกครั้งก็ทำให้เสียเวลา เวลาที่จับอ้างอิงเวลาโลกไม่ใช่นับเฉพาะเวลาล้อหมุน อาหารที่เอาไปด้วยนั้นส่วนใหญ่จะเป็นเจลให้พลังงานที่สามารถกินได้ง่ายและให้พลังงานได้อย่างรวดเร็ว การนำเอาเจลไปด้วยนั้นง่ายๆแค่เอากระดาษกาวพันเจลติดไว้กับตัวถังจักรยาน หลังเบาะใส่ที่ยึดกระติกน้ำอีกสองใบ ก่อนวันเดินทางเราได้ทำการโหลดพลังงานคาร์โบไฮเดรตเก็บไว้ในร่างกาย ผมได้วางแผนเส้นทางและคำนวณความเร็วและเวลาถึงแต่ละจุดไว้ล่วงหน้าเพื่อกันความผิดพลาด โดยใช้การประเมินจากประสบการณ์คำนวณแบบความเร็วเฉลี่ยเชิงถดถอย เพื่อให้ใกล้เคียงความเป็นจริงที่สุดวันออกเดินทางเช้าวันที่ 12/8/16 เวลา 3:00 น. เราออกเดินทางหน้าเทศบาลนครรังสิต ปั่นไปตามถนน 345 ช่วงนั้นทวนลมทำความเร็วได้ไม่ถึง 30 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ออกตัวมาก็เจอลมเล่นงานแล้ว ถ้าเป็นแบบนี้ไปตลอด เราคงทำเวลาไม่ได้ตามที่คำนวณไว้ พอมาทางหลวงหมายเลข 9 เราเลี้ยวซ้ายไปตามทาง ลมเริ่มจะไม่ทวนสักเท่าไรออกจะส่งท้ายนิดๆด้วยซ้ำ เราเร่งทำเวลาเพื่อชดเชยช่วงแรกที่ช้าไป จากนั้นใช้เส้นพระรามสอง คราวนี้ตามลมแล้วเราจึงพยายามเร่งเพื่อทำเวลาให้ได้ดีที่สุดเพราะลมเป็นอะไรที่เอาแน่เอานอนไม่ได้เมื่อลมส่งเราต้องกอบโกย ผิวทางจาราจรช่วงนั้นไม่ค่อยดี ผมกับบัสตกหลุม บัสขากระติกหลังเบาะหักไปหนึ่งอันกระติกน้ำกระเด็นหล่น ของผมก็ยางในที่รัดมาใต้เบาะหล่นไป1เส้น เหลือติดตัวไว้เส้นเดียว เราไม่วนกลับไปเก็บเพราะต้องทำเวลา ก่อนเจ็ดโมงถึงแยกวังมะนาวซึ่งเร็วกว่าที่คำนวณไว้อยู่หลายนาที ช่วงนั้นก็ตามลมอีก ขี่ไปสักพักมีรถขับมาเทียบเปิดกระจกถ่ายรูป พอเห็นลดกระจกลงเท่านั้นแหละเรายื่นขวดน้ำให้ไปเติมก่อนเลย คนละ2ขวดแต่ไม่ทันดูว่าใคร ที่แท่ก็คนรู้จักกัน ขอบคุณมากครับเราประหยัดเวลาไปได้ ปั่นมาสักพักบังเอิญเจอเพื่อนขับรถมาเที่ยว เลยมาถ่ายรูปให้ ขอบคุณมากนะครับ
ปั่นต่อตามทางมาถึงแยกชะอำ ทำเวลาได้ดีกว่าที่วางไว้หลายสิบนาที เพราะลมส่งท้ายแรงมากบางช่วงทำความเร็วคงที่ได้เกือบ 40 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่พอมาถึงแยกปราณบุรี ทุกอย่างก็เปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือ ลมที่เคยส่งเรามาตอนนี้ทรยศกันแล้ว ต้องปั่นทวนลมแรงๆและจากนี้ไปทางยังเป็นเนินตลอด บางช่วงความเร็วต่ำกว่า 20 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เวลาที่เคยทำไว้ดีๆตอนนี้เริ่มช้าแล้ว พอมาถึงแยกบางสะพาน ทำเวลาช้ากว่าที่วางไว้ประมาณ 15 นาที
เพราะลมช่วงนี้กับเนินทำให้เราช้าลงถึงแม้จะทำเวลาได้ดีกว่าที่วางไว้ในช่วงแรกเกือบช่วงโมงก็ตาม ในใจคิดว่าคงถึงสุราษฎร์ไม่ทันในกรอบเวลาแน่ ผมพูดกับบัส “ ว่าถึงเราจะทำไม่ได้ใน 24 ชั่วโมง แต่เราไปถึงแน่ อาจจะกว่ากำหนดไป 2 ชั่วโมง ” มันเป็นคำพูดที่ใช้ปลอบใจคนที่รู้ตัวว่ากำลังจะแพ้ ปั่นทวนลมดันเนินจนเริ่มล้าจะช้าก็ไม่ได้เวลาเริ่มบีบเข้ามาทุกที เราอยู่ในสภาวะกดดัน เพราะเราต้องเร่งทั้งๆที่เริ่มหมดแรงอีกทั้งเส้นทางและกระแสลมไม่ได้ปราณีเลย เรายังคงพยายามกันต่อไป จากนั้นเข้าเขตจังหวัดชุมพรเริ่มมีฝนตกลงมา ทำให้เราต้องเพิ่มความระมัดระวังในการปั่นมากขึ้น อีกทั้งทางยังมีการก่อสร้างถนน ต้องวิ่งสลับฝั่งถนนข้ามไปข้ามมา เสียเวลาชะลอตัวอีก พอตกเย็นกระแสลมเปลี่ยนทิศ ทีนี้สบายหน่อยอากาศเย็นๆลมส่งท้าย ได้ครายกรดในกล้ามเนื้อ ได้ทีกลับมาทำความเร็วได้อีกครั้ง เราเร่งความเร็วเพื่อให้ชดเชยเวลาที่ช้าไป ประมาณสองทุ่มมาถึงแยกปฐมพร จังหวัดชุมพร ระยะทางกับเวลาที่เหลืออยู่ มีลุ้นว่าจะทัน ถึงแม้จะอ่อนล้าจากการต่อสู้กับลมและเนินมานาน แต่ถ้ายังมีหวังเราต้องไม่ละทิ้งความพยายาม เราเร่งฝีเท้าเพื่อให้มั่นใจว่าจะไปถึงได้ทัน ก่อนถึงอำเภอละแมเราพักครั้งสุดท้าย จากนั้นเร่งความเร็วเพิ่มขึ้นไปอีก เพื่อให้มั่นใจว่าจะถึงที่หมายทันเวลา บัสปวดฉี่แต่ก็ไม่ขอให้หยุด ฉี่ไปในกางเกงเลย แล้วเราก็ทำสำเร็จ เวลา 2:15 น. ของวันที่ 13/8/16 มาถึงศาลหลักเมืองสุราษฎร์ธานี รวมใช้เวลาจากรังสิตถึงสุราษฎร์ธานี 23 ชั่วโมง 15 นาที(เวลารวมทุกอย่าง) ระยะทาง 672 กิโลเมตร ทำเวลาได้ใกล้เคียงกับที่คำนวณไว้มาก เป็นความสำเร็จที่งดงามมาก เราไม่อยากเชื่อตัวเองเลยว่าจะทำสำเร็จ แต่มันก็คือความจริง ปั่นจักรยานจากรังสิตถึงสุราษฎร์ธานีระยะทาง 672 กิโลเมตรไม่มีรถติดตาม เวลา 23 ชั่วโมง 15 นาที เราทำสำเร็จ
พาย เอกพงษ์ พงษ์ศรีหดุลชัย